แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รายวิชา
รายวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
ปีการศึกษา 2556
----------------------------------------------------
ปีการศึกษา 2556
----------------------------------------------------
1. ชื่อโครงงาน เรื่อง วิธีการทำขนมไทย
2. ประเภทของโครงงาน (เลือก 1 โครงงาน)
þโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
qโครงงานพัฒนาเครื่องมือ
qโครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
þโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
qโครงงานพัฒนาเครื่องมือ
qโครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
qโครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
qโครงงานพัฒนาเกม
3. ชื่อ สกุลผู้เสนอโครงงาน
นายเทวคุณ เนาวโชติ ชั้น ม.6/8 เลขที่ 4
qโครงงานพัฒนาเกม
3. ชื่อ สกุลผู้เสนอโครงงาน
นายเทวคุณ เนาวโชติ ชั้น ม.6/8 เลขที่ 4
นางสาววรกานต์ เตจ๊ะ ชั้น ม.6/8 เลขที่ 33
นางสาวอรวรรณ เยี่ยมวิริยะ ชั้น
ม.6/8 เลขที่ 34
นางสาวกนกวรรณ ธัญญานนท์ ชั้น
ม.6/8 เลขที่ 45
4. ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน
นางสาวดรุณี บุญวงค์
5. ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงานร่วม
-
6. แนวคิด ที่มา
และความสำคัญ
ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณโดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาว-หวาน
โดยทั่วไปประชาชนจะทำขนมเฉพาะในงานเลี้ยง นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ
งานมงคลและงานพิธีการ อาหารหวานที่จัดเป็นสำรับจะต้องประกอบด้วย
ของหวานอย่างน้อย 5 สิ่ง ซึ่งต้องเลือกให้มีรสชาติ สีสัน ชนิด ตลอดจนลักษณะที่กลมกลืนกัน
แต่ละสำรับจะต้องมีผลไม้ 10 ที่ และขนมเป็นน้ำ 1 ที่เสมอขนมไทย เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี
เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้
เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่องรสชาติ สีสันความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตก
ต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ
เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่องรสชาติ สีสันความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตก
ต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุก ๆภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่าง ๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระก็คือขนมจากไข่
และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้น ๆ งานศิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส
ทำบุญวันเกิดหรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน
เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาวมีอายุยืน ขนมชั้น ก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน
ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟูขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก
เป็นต้น
โครงงานขนมไทยที่ตั้งใจจัดทำขึ้นชิ้นนี้
จึงอยากจะให้ผู้ที่ได้รับชมได้ความรู้เกี่ยวกับขนมไทย
ได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จักขนมไทยและได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จักขนมไทยที่เป็นมรดกของชาวไทยมาแต่ช้านาน
เพื่อสืบสานกระบวนการ และวิธีการทำให้ไปสู่ลูกหลานต่อไป
7. วัตถุประสงค์
1.ได้ความรู้เกี่ยวกับขนมไทย
2.ได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จักขนมไทย
3.เพื่อให้คนที่สนใจได้เข้ามาศึกษา
4.เพื่อให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำให้มากขึ้น
5.ได้คงไว้ซึ้งความเป็นเอกลักษณ์ไทย
8. หลักการและทฤษฎี
1.ขนมไทย
2.สื่อเพื่อการศึกษา
1.1"
ข้าวนม " " เข้าหนม " " ข้าวหนม
"ล้วนเป็นคำอันเป็นที่มาของคำว่า
"ขนม"ซึ่งมีผู้สันทัดกรณีหลายท่านตั้งข้อสันนิษฐานไว้ เริ่มตั้งแต่คำแรก
"ข้าวนม"ที่นักคหกรรมศาสตร์หลายท่านบอกต่อ ๆ กันมา
ว่าน่าจะมาจากคำคำนี้เนื่องจากขนมมีอิทธิพลมาจากอินเดียที่ใช้ข้าวกับนมเป็นส่วนผสมสำคัญที่สุด
ในการทำขนมแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากนมไม่มีบทบาทสำคัญในขนมไทยเลย ขนมไทยใช้
มะพร้าวหรือกะทิทำต่างหาก
ว่าน่าจะมาจากคำคำนี้เนื่องจากขนมมีอิทธิพลมาจากอินเดียที่ใช้ข้าวกับนมเป็นส่วนผสมสำคัญที่สุด
ในการทำขนมแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากนมไม่มีบทบาทสำคัญในขนมไทยเลย ขนมไทยใช้
มะพร้าวหรือกะทิทำต่างหาก
สำหรับ
"เข้าหนม" นั้น พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นจรัสพรปฏิญาณได้ทรงตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า
"หนม" เพี้ยนมาจาก "เข้าหนม"เนื่องจาก "หนม" นั้นแปลว่าหวาน แต่กลับไม่ปรากฏความหมาย
ของ"ขนม"ในพจนานุกรมไทย มีเพียงบอกไว้ว่าทางเหนือเรียกขนมว่า "ข้าวหนม"แต่ถึงอย่างไรก็
ไม่พบความหมายของคำว่า "หนม"ในฐานะคำท้องถิ่นภาคเหนือเมื่ออยู่โดด ๆ ในพจนานุกรมเช่นกัน
"หนม" เพี้ยนมาจาก "เข้าหนม"เนื่องจาก "หนม" นั้นแปลว่าหวาน แต่กลับไม่ปรากฏความหมาย
ของ"ขนม"ในพจนานุกรมไทย มีเพียงบอกไว้ว่าทางเหนือเรียกขนมว่า "ข้าวหนม"แต่ถึงอย่างไรก็
ไม่พบความหมายของคำว่า "หนม"ในฐานะคำท้องถิ่นภาคเหนือเมื่ออยู่โดด ๆ ในพจนานุกรมเช่นกัน
อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย
คำว่า "ขนม"อาจมาจากคำในภาษาเขมรว่า "หนม"
ที่หมายถึงอาหารที่ทำมาจากแป้งเมื่อลองพิจารณาดูแล้วพบว่าขนมส่วนใหญ่ล้วนทำมาจากแป้ง
ทั้งนั้นโดยมีน้ำตาลและกะทิเป็นส่วนผสม ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า "ขนม" เพี้ยนมาจาก "ขนม"
ในภาษาเขมรก็เป็นได้
ที่หมายถึงอาหารที่ทำมาจากแป้งเมื่อลองพิจารณาดูแล้วพบว่าขนมส่วนใหญ่ล้วนทำมาจากแป้ง
ทั้งนั้นโดยมีน้ำตาลและกะทิเป็นส่วนผสม ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า "ขนม" เพี้ยนมาจาก "ขนม"
ในภาษาเขมรก็เป็นได้
ไม่ว่าขนมจะมีรากศัพท์มาจากคำใดหรือภาษาใดขนมก็ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในสังคมไทยด้วย
ฐานะของขนมไทยอย่างเต็มภาคภูมิและคนไทยเองก็ได้ชื่อว่าเป็นชนชาติหนึ่งที่ชอบกินขนมเป็น
ชีวิตจิตใจ
ฐานะของขนมไทยอย่างเต็มภาคภูมิและคนไทยเองก็ได้ชื่อว่าเป็นชนชาติหนึ่งที่ชอบกินขนมเป็น
ชีวิตจิตใจ
หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนมไทยกับคนไทยก็คือวรรณคดีมรดกสุโขทัย
เรื่องไตรภูมิพระร่วงซึ่งกล่าวถึงขนมต้มที่เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งไว้
เรื่องไตรภูมิพระร่วงซึ่งกล่าวถึงขนมต้มที่เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งไว้
ขนมไทยเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในสมัยอยุธยาดังปรากฏข้อความในจดหมายเหตุหลายฉบับ
บางฉบับกล่าวถึง "ย่านป่าขนม" หรือตลาดขนมบางฉบับกล่าวถึง "บ้านหม้อ" ที่มีการปั้นหม้อ
และรวมไปถึงกระทะ ขนมเบื้องเตาและรังขนมครกแสดงให้เห็นว่าขนมครกและขนมเบื้องนั้น
คงจะแพร่หลายมากจนถึงขนาดมีการปั้นเตาและกระทะขายบางฉบับกล่าวถึงขนมชะมด
ขนมกงเกวียนหรือขนมกง ขนมครก ขนมเบื้อง ขนมลอดช่องจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
อันถือได้ว่าเป็นยุคทองของการทำขนมไทยดังที่จดหมายเหตุฝรั่งโบราณได้มีการบันทึกไว้ว่า
บางฉบับกล่าวถึง "ย่านป่าขนม" หรือตลาดขนมบางฉบับกล่าวถึง "บ้านหม้อ" ที่มีการปั้นหม้อ
และรวมไปถึงกระทะ ขนมเบื้องเตาและรังขนมครกแสดงให้เห็นว่าขนมครกและขนมเบื้องนั้น
คงจะแพร่หลายมากจนถึงขนาดมีการปั้นเตาและกระทะขายบางฉบับกล่าวถึงขนมชะมด
ขนมกงเกวียนหรือขนมกง ขนมครก ขนมเบื้อง ขนมลอดช่องจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
อันถือได้ว่าเป็นยุคทองของการทำขนมไทยดังที่จดหมายเหตุฝรั่งโบราณได้มีการบันทึกไว้ว่า
การทำขนมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้นเจริญรุ่งเรืองมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาว
โปรตุเกสอย่างท่านผู้หญิงวิชาเยนทร์หรือบรรดาศักดิ์ว่าท้าวทองกีบม้า ผู้เป็นต้นเครื่องขนมหรือ
ของหวานในวังได้สอนให้สาวชาววังทำของหวานต่าง ๆโดยเฉพาะได้นำไข่ขาวและไข่แดง
มาเป็นส่วนผสมสำคัญอย่างที่ทางโปรตุเกสทำกันขนมที่ท่านท้าวทองกีบม้าทำขึ้นและยังเป็น
ที่นิยมจนถึงปัจจุบันก็ได้แก่ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง และรวมไปถึง
ขนมทองโปร่ง ขนมทองพลุขนมสำปันนี ขนมไข่เต่า ฯลฯ
โปรตุเกสอย่างท่านผู้หญิงวิชาเยนทร์หรือบรรดาศักดิ์ว่าท้าวทองกีบม้า ผู้เป็นต้นเครื่องขนมหรือ
ของหวานในวังได้สอนให้สาวชาววังทำของหวานต่าง ๆโดยเฉพาะได้นำไข่ขาวและไข่แดง
มาเป็นส่วนผสมสำคัญอย่างที่ทางโปรตุเกสทำกันขนมที่ท่านท้าวทองกีบม้าทำขึ้นและยังเป็น
ที่นิยมจนถึงปัจจุบันก็ได้แก่ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง และรวมไปถึง
ขนมทองโปร่ง ขนมทองพลุขนมสำปันนี ขนมไข่เต่า ฯลฯ
ล่วงจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีผู้ทรงเป็น
พระเจ้าน้องยาเธอในสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชกล่าวไว้ว่าในงานสมโภช
พระแก้วมรกตและฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดารามได้มีเครื่องตั้งสำรับหวานสำหรับ
พระสงฆ์ ๒,๐๐๐ รูป ประกอบด้วย ขนมไส้ไก่ ขนมฝอยข้าวเหนียวแก้ว ขนมผิง กล้วยฉาบ
ล่าเตียง หรุ่ม สังขยา ฝอยทอง และขนมตะไล
พระเจ้าน้องยาเธอในสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชกล่าวไว้ว่าในงานสมโภช
พระแก้วมรกตและฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดารามได้มีเครื่องตั้งสำรับหวานสำหรับ
พระสงฆ์ ๒,๐๐๐ รูป ประกอบด้วย ขนมไส้ไก่ ขนมฝอยข้าวเหนียวแก้ว ขนมผิง กล้วยฉาบ
ล่าเตียง หรุ่ม สังขยา ฝอยทอง และขนมตะไล
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่
การทำขนมไทยก็เป็นหนึ่งในตำราอาหารไทยนั้นจึงนับได้ว่าการทำขนมไทยและวัฒนธรรม
ขนมไทยเริ่มมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างมีระบบระเบียบในสมัยรัชกาลที่ ๕นี้เอง
แม่ครัวหัวป่าก์เป็นตำราอาหารไทยเล่มแรก ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงเปลี่ยนภาสกรวงศ์
ในตำราอาหารไทยเล่มนี้ปรากฏรายการสำรับของหวานเลี้ยงพระอันประกอบด้วย
ขนมทองหยิบขนมฝอยทอง ขนมหม้อแกง ขนมหันตรา ขนมถ้วยฟู ข้าวเหนียวแก้ว
ขนมลืมกลืนวุ้นผลมะปราง ฯลฯแสดงให้เห็นว่าคนไทยนิยมทำขนมใช้ในงานบุญ
ซึ่งก็เป็นแบบแผนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
การทำขนมไทยก็เป็นหนึ่งในตำราอาหารไทยนั้นจึงนับได้ว่าการทำขนมไทยและวัฒนธรรม
ขนมไทยเริ่มมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างมีระบบระเบียบในสมัยรัชกาลที่ ๕นี้เอง
แม่ครัวหัวป่าก์เป็นตำราอาหารไทยเล่มแรก ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงเปลี่ยนภาสกรวงศ์
ในตำราอาหารไทยเล่มนี้ปรากฏรายการสำรับของหวานเลี้ยงพระอันประกอบด้วย
ขนมทองหยิบขนมฝอยทอง ขนมหม้อแกง ขนมหันตรา ขนมถ้วยฟู ข้าวเหนียวแก้ว
ขนมลืมกลืนวุ้นผลมะปราง ฯลฯแสดงให้เห็นว่าคนไทยนิยมทำขนมใช้ในงานบุญ
ซึ่งก็เป็นแบบแผนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
1.2โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา
โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน
และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน
โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน
ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงาน ประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ
โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก
มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น
การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล
ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการชำกิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สำคัญของประเทศไทย
9. ขอบเขตของโครงงาน
ใช้โปรแกรมUlead, Proshow Gold และ กล้องวิดีโอในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา
10. ขั้นตอนและแผนดำเนินงาน
ที่
|
ขั้นตอนการดำเนินงาน
|
ระยะเวลาดำเนินงาน
|
|||||||||||
เดือนมิถุนายน
|
เดือนกรกฎาคม
|
เดือนสิงหาคม
|
|||||||||||
สัปดาห์ที่
|
สัปดาห์ที่
|
สัปดาห์ที่
|
|||||||||||
1
|
2
|
3
|
4
|
1
|
2
|
3
|
4
|
1
|
2
|
3
|
4
|
||
1
|
คิดหัวข้อโครงงาน
|
ü
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
2
|
ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
|
|
ü
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
3
|
จัดทำโครงร่างเพื่อนำเสนอ
|
|
|
ü
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
4
|
ปฏิบัติการจัดทำโครงงาน
|
|
|
|
ü
|
|
|
|
|
|
|
|
|
5
|
นำเสนอรายงานความก้าวหน้า
ของโครงงานครั้งที่ 1 |
|
|
|
|
ü
|
|
|
|
|
|
|
|
6
|
นำเสนอรายงานความก้าวหน้า
ของโครงงานครั้งที่ 2 |
|
|
|
|
|
ü
|
|
|
|
|
|
|
7
|
ปรับปรุง ทดสอบ
|
|
|
|
|
|
|
ü
|
|
|
|
|
|
6
|
จัดทำเอกสารรายงานโครงงาน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ü
|
|
|
|
8
|
ประเมินผลงาน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ü
|
|
9
|
นำเสนอโครงงานหน้าชั้นเรียน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ü
|
11. สถานที่ดำเนินงาน
บ้าน นางสาว กนกวรรณธัญญานนท์
บ้านเลขที่ 133/ 142 ม.2 ต.ทับมา อ.เมืองจ.ระยอง
12. งบประมาณ
12. งบประมาณ
500 บาท
13. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นำมาเป็นบทเรียนเรื่องวิธีการทำขนมไทย
2.ได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไป
3.ผู้เข้าชมได้รับความรู้เกี่ยวกับขนมไทย
4.สามารถทำให้ผู้เข้ารับชมเห็นคุณค่าและรู้จักอนุรักษ์ขนมไทยให้คงอยู่กับวัฒนธรรมไทย
14. เอกสารอ้างอิง
http://vision4angle.wordpress.com , http://www.slideshare.net/annynasonsawan/4-13755283 ,
http://www.isaansmile.com/kahnomthai/prawat.php
ลงชื่อ นายเทวคุณ
เนาวโชติ ชั้น ม.6/8 เลขที่ 4
นางสาววรกานต์ เตจ๊ะ ชั้น ม.6/8 เลขที่
37
นางสาวอรวรรณ เยี่ยมวิริยะ ชั้น ม.6/8 เลขที่ 38
นางสาวกนกวรรณ ธัญญานนท์ ชั้น ม.6/8เลขที่
40
ผู้เสนอโครงงาน
ลงชื่อ.............................................
(นายอำนวย มณีวงษ์)
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
(นายอำนวย มณีวงษ์)
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น